ไม่ผ่านการพิจารณานะคะ คุณไม่ได้ห่วยแตกค่ะ แค่ยังไม่เหมาะกับเรา…
การสัมภาษณ์ คือ การทำความรู้จักและสร้างความเข้าใจร่วมกัน เพื่อบอกว่าเราเหมาะสมกันไหม ดังนั้นผลลัพธ์ของการทำความรู้จัก ย่อมมีทั้งโอเคและไม่โอเคเป็นธรรมดา เชื่อไหมครับว่า คนบางคนสัมภาษณ์หลายสิบที่ไม่ผ่านสักที่ กว่าจะหาที่ที่ใช่ มันก็ไม่ง่ายเหมือนหาแฟนนั่นแหละครับ ดูอย่างแจ๊ค หม่า ที่โดนปฏิเสธคนเดียวจากทุกคนที่เข้าไปสัมภาษณ์รอบเดียวกันจาก KFC นี่คือสิ่งพิสูจน์ว่าผลสัมภาษณ์ไม่ใช่บทสรุปของชีวิต ดังนั้นอย่าลืมตัวตนของตัวเองตอนเข้าไปสัมภาษณ์แล้วประดิษฐ์ทุกอย่างเพื่อให้ได้งานนะครับ
ปกติเวลาน้องๆ จบใหม่เข้าไปสัมภาษณ์งาน มักจะเตรียมตัวและหาข้อมูลการสอนตอบคำถามสัมภาษณ์ แบบเป็น Pattern เพื่อจะเอาชนะใจผู้สัมภาษณ์และหวังว่า “ฉันจะต้องได้งานนี้” จนบางที Candidate มองข้ามความเหมาะสมระหว่างงานกับตัวเอง ในทุกๆ ประการที่อาจจะไม่มีความสอดคล้องกันเลย อันที่จริงอย่างที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วตอนแรกๆ แล้วว่า องค์กรแต่ละที่มักมองหา Candidate ที่เก่งและกำลังเป็นที่ต้องการเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นจึงพิสูจน์ทราบซ้ำอีกครั้งว่า Candidate นั้นเหมาะกับองค์กรของเราหรือไม่
ประตูด่านแรกที่คุณจะชนะใจผู้สัมภาษณ์ได้ก่อนคือความสามารถของคุณที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่เขาหาอยู่ ผมใช้คำว่า “เหมาะสม” นะครับ เพราะความไม่เหมาะแต่ละครั้งก็อาจจะเกิดจากคุณเก่งเกินไป หรือคุณเก่งน้อยไปก็ได้ การถูกปฏิเสธเพราะเก่งเกินไปนี่ ออกจะน่าภูมิใจอยู่นะครับ นอกเหนือจากทักษะความสามารถแล้ว ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตและอุปนิสัยเองก็มีส่วนสำคัญ ที่จะทำให้คุณทำงานนี้ได้นานอย่างมีความสุข หรือต้องทนทำงานให้ผ่านๆ ไปในแต่ละวัน ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นคนมีไลฟ์สไตล์ยามเย็น ชอบสังสรรค์กับเพื่อนในทุกเย็นช่วง 6 โมงถึงสองทุ่ม ในขณะที่งานที่เขาเปิดรับ เป็นงานบริการลูกค้าที่มักต้องทำงานเกินกว่าเวลาปกติ และเลิกราวๆ 2 ทุ่มเสมอ ไม่ว่า Candidate จะเก่งแค่ไหน ทำงานนี้ได้ดีแค่ไหน แต่ถ้ามันขัดกับจริต Candidate Recruiter เองก็คงต้องขอพักไว้ก่อน เพราะมันจะทรมานทั้งหัวหน้าและลูกน้องเลยหละครับ
ผมเคยสัมภาษณ์ Candidate คนหนึ่ง เป็นคนที่มีนิสัยสนุกสนานร่าเริง มักมีความโดดเด่นในกลุ่มเพื่อน เป็นผู้นำในกิจกรรม สร้างบรรยากาศสนุกสนานในการทำงานได้ดีตลอดเวลา แต่ตอนสัมภาษณ์บอก อยากทำงาน Data entry มากๆ ทั้งๆที่เป็นงานที่ต้องมีสมาธิ อยู่กับ เอกสารสำคัญที่ผิดพลาดไม่ได้ สรุป การทำงานของ Candidate คนนั้น อยู่ในขั้นอดทนแบบอกแตกตาย เพราะขัดต่อจริตอย่างรุนแรง งานออกมาก็ผิดๆ ถูกๆ เพราะสมาธิกระเจิดกระเจิง อยากมีบทสนทนากับเพื่อนๆ ตลอดเวลา ทำเอาหัวหน้ากุมขมับว่าจะผิดอะไรเยอะแยะขนาดนั้น ส่วน Candidate เองก็ต้องอดทนทำงานแต่ละวันให้ผ่านๆ ไป เพื่อจะได้เป็นตัวของตัวเองอีกครั้งหลังเลิกงาน
ดังนั้น Candidate ทุกคนครับอย่าหน้ามืดอยากได้งาน จนมองข้ามความเป็นตัวเองและเสกสรรปั้นเรื่องทุกอย่างเพื่อให้ได้งานนั้นนะครับ อย่าลืมว่า เราต้องอยู่กับงานที่เราทำ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะอดทนเพื่อให้มันผ่านไปในทุกวัน
Recruiter เองนั้น ก็อย่าลืมหน้าที่ที่สำคัญระหว่างสัมภาษณ์ คือการทำให้บรรยากาศทั้งหมด เป็นไปด้วยดีและทุกคน “สบายใจที่จะพูดความจริง” อย่าเปลี่ยนห้องสัมภาษณ์ให้กลายเป็นสนามรบ ชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา ต้องตอบให้ดี ให้เป๊ะ จนลืมความเป็นปกติของคน เพราะ Candidate จะประดิษฐ์ทุกอย่าง ตั้งแต่บุคลิก พฤติกรรม คำพูด ทัศนคติ ที่ตอบคุณ จนทำให้คุณหลงมัวเมาได้ว่า เขาคือบุคคลในตำนานที่หาใครเทียบใครเทียมไม่ได้
สุดท้ายไม่ว่าจะอย่างไร เราต่างก็เป็นคนธรรมดาด้วยกัน ดังนั้น บรรยากาศที่ผ่อนคลาย พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา คือแก่นแท้ที่สำคัญของการสัมภาษณ์ และทำให้เราได้พนักงานที่เหมาะสม รวมถึง Candidate เองก็จะได้ทำงานที่เหมาะสมกับเขาเช่นกันครับ
Tips 1 : สำหรับ Candidate สิ่งสำคัญที่คุณต้องทำการบ้านมากๆ ก่อนสัมภาษณ์นอกจากรู้จักองค์กรแล้ว คุณต้องรู้จักตัวเองให้ดี และปราศจากอคติ พิจารณา ทบทวนและมองหาตนเองให้เจอว่า เราเก่งอะไร ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร อะไรอยู่ในระดับที่เราปรับตัวได้ หรืออะไรที่เราทนกับสิ่งนั้นไม่ได้จริงๆ แล้วอย่าลืมเอาเรื่องพวกนี้ไปคุยกันในห้องสัมภาษณ์ด้วยว่า เราจะเจอสถานการณ์เหล่านี้ไหม…เชื่อผมเถอะ การประดิษฐ์ตนเองให้ได้งาน ไม่เป็นประโยชน์กับตัวคุณและองค์กรที่รับคุณไปเลย การต้องทนอยู่กับงานที่เราเกลียด มันเหมือนอยู่ในนรกและต้องยอมรับความทรมานนั้นในระดับวินาที
Tips 2 : สำหรับ Recruiter คุณต้องพิจารณาอย่างมั่นเหมาะว่า Candidate กำลังเข้าโหมด “ประดิษฐ์” หรือยัง การถามคำถามยากๆ ซับซ้อน เพื่อชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา จะทำให้ภาวะป้องกันตัวเองของ Candidate ทำงานอย่างเข้มแข็งขึ้น และภาวะนี้จะออกแบบให้ Candidate ออกแบบคำตอบว่า คุณกำลังอยากฟังอะไร จนมองข้ามความจริงไปทั้งหมดทั้งสิ้น วิธีจัดการปัญหาของผมเมื่อเจอคือ ผมจะชวน Candidate คุยเล่นเรื่องอื่น และบอกเขาว่า ผมจะลืมสิ่งที่คุณตอบมาตั้งแต่ต้น และผมอยากรู้จักคุณจริงๆ จากการเริ่มสัมภาษณ์อีกครั้ง แล้วผมจะบอกคุณได้ว่า คุณจะมีความสุขกับที่นี่ และงานที่คุณจะได้ทำหรือไม่ เมื่อคุณเล่าให้ผมฟังว่าคุณเป็นคนยังไง
ขอให้เจองานที่ใช่กันนะครับ
รักทุกคนเสมอครับ
www.peopleone.co.th
Tel : 02-661-7797
E-mail : info@peopleone.co.th