People One

สัมภาษณ์อย่างไรไม่ให้พัง EP.05

เป็นอะไรมากมั๊ย
ทำไมไม่ยอมแจ้งผลสัมภาษณ์???
หงุดหงิดไหมครับ สัมภาษณ์เสร็จแล้วก็เงียบ… ได้ หรือ ไม่ได้ ก็ไม่บอกเสียที ให้ชะเง้อชะง้อย ชายตารอที่ท่าน้ำไม่จบไม่สิ้นเสียที

ปัญหาสุดคลาสสิค ของ Candidate จำนวนมากที่มีคำถามนี้ในใจ ว่าทำไมพอสัมภาษณ์เสร็จแล้วไม่ยอมแจ้งผลว่าไม่ผ่าน แต่ใช้วิธีเงียบๆ หายๆ ไปให้ Candidate หลงลืมไปเองว่าเคยมาสัมภาษณ์กับเรา
หัวข้อนี้บอกได้เลยว่าในฐานะ Recruiter ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ เป็นความรับผิดชอบของเราจริงๆ นั่นหละครับที่ต้องแจ้งผลสัมภาษณ์ Candidate แต่ขอโอกาสบอกเล่าสิ่งที่เจอมา จะได้เข้าใจทั้งมุมของ Recruiter และมุมของ Candidate ครับ

ต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนเลยก่อนที่การสมัครงานจะทันสมัยแบบในปัจจุบัน เราสมัครงานผ่านกันทางจดหมาย เมื่อก่อนนั้นงานบุคคลมีความเป็นทางการสูงมาก หนังสือแต่ละฉบับ จดหมายแต่ละฉบับจะออกทีต้องมีลายเซ็นต์ผู้มีอำนาจ ระเบียบสารบัญต้องเป๊ะ การแจ้งผลสัมภาษณ์กับผู้สมัครจำนวนมากอย่างเป็นทางการ จึงเป็นความยากลำบากอย่างหนึ่งของงานบุคคลสมัยก่อน แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีจดหมายแจ้งผลนะครับ ในบางที่ที่จัดการดีๆ ก็มีการแจ้งผลอย่างเป็นทางการเช่นกัน แต่ฝ่ายบุคคลจำนวนไม่น้อยก็ปล่อยเบลอ ให้ Candidate เงียบหาย ร้างรากันไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

ฝ่ายบุคคลอาจจะไม่พบความหงุดงิดใจในกลุ่มคน Generation baby boom หรือ X มากมายนัก แต่พอการสมัครงานเปลี่ยนไป ทั้งเทคโนโลยีการสื่อสารที่ใกล้ชิด รวดเร็วกันมากขึ้น รวมถึงการเปลี่ยน Generation มาเป็น Y และ Z ซึ่งต้องการ “ความชัดเจนเป็นพิเศษ” ได้ไม่ได้ก็บอกมา ไม่ใช่ปล่อยเงียบๆ ไป ปัญหานี้ก็เริ่มพบได้มากขึ้น

ในฐานะที่พบปะชาว Recruiter กันบ่อยครั้งก็พบว่า มีบริษัทฯ หลายแห่งที่แจ้งผลสัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา แต่ก็มีหลายแห่งเช่นกันที่ไม่มีนโยบายนี้ เหตุผลหลักๆ ร่วมกันประการหนึ่งคือ กำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่นี้ไม่เพียงพอ ลำพังหน้าที่ โทรหา Candidate ใหม่ นัดสัมภาษณ์ จัดสัมภาษณ์ แจ้งผลคนผ่านสัมภาษณ์ เตรียมเซ็นสัญญาจ้าง ก็ล้นมือจนไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่นแล้ว การแจ้งผลคนไม่ผ่านสัมภาษณ์จึงถูกละเลยไป
ขอโทษแทน Recruiter ทุกคนนะครับ เพราะไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งที่อยากจะเล่าให้ฟังคือ Recruit หลายคนมีประสบการณ์ แจ้งผลแบบ “ไม่ผ่านแต่ไม่จบ” หลายครั้งที่ Recruiter ลำบากใจกับการแจ้งผลมากๆ เพราะเจอ Candidate สายบวก แบบที่คาดหวังงานนี้เต็มที่และมั่นใจว่า ตัวเองตอบได้ดี ต้องผ่านสัมภาษณ์และได้งานแน่นอน พอได้ฟังผลสัมภาษณ์ ก็เกิดอาการบวกใส่ Recruiter ว่า ทำไมไม่ผ่าน ผมไม่ดีตรงไหน…

อันที่จริงบางที Recruiter เองก็ไม่ทราบสาเหตุทั้งหมดนะครับ เพราะคนตัดสินใจอาจจะเป็น Committee หรือ Line Manager ซึ่งไม่เสมอไปที่จะนั่งอธิบายให้ Recruiter เข้าใจว่าคนไหนไม่ผ่านเพราะอะไร ดังนั้น Recruiter จึงกลายเป็นคนกลางที่ต้องอธิบายเรื่องราวพวกนี้

อย่างไรก็ตามผมยืนยันว่า Candidate มีสิทธิ์ที่จะถามผลสัมภาษณ์จาก Recruiter นะครับ โดยเวลาที่เหมาะสมคือควรเว้นระยะหลังจากสัมภาษณ์ประมาณ 3 – 5 วันเพื่อขอความคืบหน้าหรือรับทราบผลสัมภาษณ์(หากไม่ได้รับการแจ้งความคืบหน้า) นอกจากนี้ยังสามารถจะถามได้ว่า “ที่ไม่ผ่านสัมภาษณ์เพราะอะไรพอจะแจ้งได้ไหม” ก็ไม่ผิดแปลกอะไร แต่อย่าซักไซร้ไล่เรียง หรือพยายาม Defense ใดๆ ว่า ตัวเรานั้นดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมถึงไม่ได้งาน หรือวิพากษ์วิจารณ์การสัมภาษณ์ที่ผ่านมาโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะสร้างความลำบากใจระหว่างสนทนากันแล้ว ยังไม่เป็นมืออาชีพอีกด้วย เหมือนที่เคยเขียนไปก่อนหน้านี้ การไม่ผ่าน อาจจะเพราะว่า เราไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ด้วยเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่ง อย่าขยี้สิ่งเหล่านั้นให้เป็นบาดแผลกับตนเองและบริษัทฯ ที่ไปสัมภาษณ์เลยครับ ไม่แน่ อาจจะมีตำแหน่งอื่นๆ ในบริษัทฯ นั้น ที่เหมาะกับเรามากกว่า และได้รับการ offer ในเวลาต่อมา ดังนั้นใจเย็นๆ กับเหตุการณ์นี้นะครับ

ส่วน Recruiter เอง ก็ไม่ควรใจร้ายกับ Candidate ทุกคนที่มาสัมภาษณ์ก็คาดหวังว่าจะได้งาน หากไม่ได้งานนี้ ชีวิต Candidate ก็จำเป็นต้องเดินต่อ การกั๊กไว้เปรียบเทียบ หรือ เงียบๆ ไป เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และ Recruiter ที่ดีก็ไม่ควรทำสิ่งนี้ ความจริงใจคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้พนักงานอยู่กับบริษัทฯ ได้อย่างมีความสุข หากเขายังไม่เหมาะด้วยเหตุผลอะไร หรือ เรากำลังเปรียบเทียบกับ Candidate ท่านอื่นอยู่ ก็ควรจะแจ้งให้ Candidate ทราบ ให้ทุกคนได้วางแผนชีวิตตัวเองต่อไปว่าจะรอหรือตอบรับงานที่อื่นก่อน

ใจเขาใจเรานะครับ อย่าเอาชีวิตของ Candidate มาแขวนบน KPI ของเรา หวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะช่วยลดความขัดแย้งของ Recruiter และ Candidate ได้นะครับ

อยากเห็นทุกคนได้งานที่เหมาะกับตัวเอง เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
Tips 1 : ช่องทางการแจ้งผลสัมภาษณ์ในปัจจุบันที่หลายที่เลือกใช้และมีประสิทธิภาพไม่ใช้เวลามากเกินไป คือ SMS
Tips 2 : หลายองค์กรมีขั้นตอนการสัมภาษณ์ก่อนเริ่มงานไม่เท่ากัน บางที่ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์และบางที ใช้เวลาถึง 3 เดือนก็มี ดังนั้น Candidate อย่าด่วนตัดสินว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ควรสอบถามขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาจาก Recruiter เพื่อเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจครับ

รักทุกคนเสมอครับ

www.peopleone.co.th
Tel : 02-661-7797
E-mail : info@peopleone.co.th

Leave a Comment

Your email address will not be published.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า