People One

สัมภาษณ์อย่างไรไม่ให้พัง EP.07

จุดสะพรึงใจชิงไหวชิงพริบระหว่าง Candidate และ Recruiter ที่ผมพบเจอบ่อยครั้ง หนีไม่พ้นเรื่อง ประวัติการทำงานครับ
ทั้งหน้าที่ความรับผิดชอบ และ ระยะเวลาในการทำงานแต่ละที่ ล้วนแต่เป็นที่น่าสนใจทั้งนั้น ที่ Recruiter ตั้งใจจะจับโป๊ะ Candidate ว่าพูดเท็จพูดจริง และพยายามมองตัวตนของ Candidate ออกมาให้ได้จากพฤติกรรมการทำงาน

มี Candidate หลายคนตั้งคำถามกับผมว่า “ทำงานนานแค่ไหนในแต่ละที่จึงเหมาะสม” หรือ “เปลี่ยนงานไม่เกินกี่ที่ หรือระบุลงใน Resume ไม่เกินกี่ที่ถึงเรียกว่าดี”

ผมตอบไม่ได้เลยครับ!!! น้ำท่วมปากไปไม่ได้บอกไม่ถูก

จริงๆ แล้ว ประวัติการทำงานเหล่านี้ สะท้อนความเชี่ยวชาญของ Candidate และพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้านการทำงานได้เป็นอย่างดีเลยครับ

วันนี้ผมขอมาเล่าให้ฟังว่า ชาว Recruiter เขาคิดอะไรกันตอนดูประวัติการทำงานครับ เวลาตอบคำถามจะได้เข้าถึง

1. ลักษณะงานและความรับผิดชอบ ลักษณะงานที่คุณเคยทำ ความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายและผลงานที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณได้รับมอบหมายคือสิ่งที่เรามองหาตั้งแต่ต้น เพื่อจะได้เชื่อมั่นในตัวของคุณว่า สามารถรับผิดชอบงานที่จะถูกมอบหมายจากได้ได้แน่ๆ ดังนั้น อย่าลืมระบุให้ชัดเจนนะครับว่า คุณต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ความยากของมันคืออะไร และคุณทำมันได้ดีอย่างไร ถ้ามันเยอะจะเขียนเป็นข้อๆ เพื่อระบุ Keyword แล้วมาอธิบายตอนสัมภาษณ์ก็ไม่ว่ากันครับ

2. การเว้นวรรคทางอาชีพ อันที่จริงมี Candidate จำนวนมากที่ไม่ได้ทำงานต่อเนื่อง แต่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล เช่น ทำงานมา 2 ปี เว้นไป 2 ปี เพราะเรียนต่อปริญญาโท แล้วกลับมาทำใหม่อีกรอบ หรือมีเหตุจำเป็นทางครอบครัวที่ทำให้ไม่สามารถทำงานอย่างต่อเนื่องได้ หรือมีเหตุการณ์บางอย่างในชีวิตที่จำเป็นต้องพักใจ ก็สามารถยอมรับได้ ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Recruiter มักจะมองหาความสมเหตุสมผล ว่าการเว้นวรรคทางอาชีพนั้น เกิดขึ้นกับ Candidate คนนั้นเป็นประจำหรือไม่ ผมเคยพบ Candidate ท่านหนึ่ง ทำงานที่ละ 1 ปีและเว้นวรรค 6 เดือน เพื่อตามหาความฝันและใช้ชีวิต ผมยอมรับตามตรงครับว่า สิ่งที่ Candidate ท่านนั้นทำไม่ผิดอะไรเลย แต่ไม่เหมาะกับตำแหน่งงานที่เราหาอยู่จริงๆ เพราะคาดหวังความต่อเนื่องและความเชี่ยวชาญที่มากขึ้น แต่ถ้าตำแหน่งไหนที่อายุงานเฉลี่ยของพนักงาน 1 – 2 ปี และถูกอกถูกใจกับ Candidate ท่านนี้ ก็สามารถรับทำงานได้อย่างไม่มีปัญหาใด อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่เราคาดหวังจาก Candidate คือ ความจริงครับ การใส่ที่ทำงานปลอมๆ หรืออายุงานหลอกๆ เชื่อเถอะครับว่า เราตามหาความจริงได้ไม่ยาก ดังนั้น อย่าจกตากันจากประวัติการทำงานเลยครับ

3. อายุงานในแต่ละที่ มันมีตัวเลขที่จะทำให้ Recruiter เอ๊ะอยู่เล็กน้อยครับ จริงๆแล้ว เรื่องอายุงานนี้ ไม่มีคำตอบใดๆ ที่สมบูรณ์แบบ ว่าทำสั้นทำยาว จะดีหรือไม่ดี ทั้งหมดล้วนแต่อยู่ภายใต้ ความสมเหตุสมผลเช่นเดียวกัน เงื่อนไขและวิธีคิดของ Candidate จะเป็นหลักเกณฑ์การพิจารณาว่า เหมาะกับงานที่เรากำลังตามหาคนมาทำอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ดี ตัวเลขพิเศษที่เรามองและตั้งสมมติฐานไว้เสมอคือ การเปลี่ยนงานเมื่อครบ 4 เดือน อาจจะเกิดจากการไม่ผ่านทดลองงาน และการเปลี่ยนงานเมื่อครบ 1 ปี อาจจะเกิดจากความตั้งใจของ Candidate ที่จะทำแต่ละที่ในระยะเวลา 1 ปีเท่านั้น จากประสบการณ์ผมเคยเจอ Candidate ในระดับงาน Operation อายุงาน 3 ปี เปลี่ยนงานทั้งสิ้น 23 งาน แต่ละที่ 1 – 2 เดือน โดยเหตุผลที่ผมได้คือ เขาอยากลองทำงานที่หลากหลายเพื่อตอบตัวเองว่าชอบอะไร ซึ่งไม่แน่ใจว่าตอนนี้พบหรือยังนะครับ อิอิ

ผมขอแบ่งปันเหตุผลที่ผมและเพื่อนๆ Recruiter ยอมรับได้จากการเปลี่ยนงานในกลุ่มอายุงานสั้นๆ ที่เคยพบมาดังนี้ครับ

บริษัทฯ ปิดกิจการ : อันนี้แน่นอนเลยครับ เราคงทำงานต่อไม่ได้ถ้าเขาปิดกิจการ

งานไม่ตรงตาม Scope ที่คุยกันไว้ : สำหรับเหตุผลนี้ เรามักจะเจาะลึกกันลงไปครับว่า Scope งานที่ไม่ตรงกันนั้น หมายถึงลักษณะงานคนละเรื่อง ไม่เกี่ยวข้องกัน หรือรายละเอียดปลีกย่อย กระบวนการขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับงานที่ได้รับมอบหมายมีรายละเอียดมากกว่าที่อธิบายให้ทราบในการสัมภาษณ์ หากเป็นเรื่องของงานคนละเรื่องกัน อันนี้เป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ แต่ถ้าเป็นงานเกี่ยวเนื่องต่อเนื่องกัน แต่ Candidate รู้สึกว่าธุระไม่ใช่ภาระไม่ใช่ เรามักจะเก็บไว้ในใจ และมองหาคนที่ Flexible มากกว่านี้ครับ เพราะธุรกิจสมัยนี้ มีการปรับเปลี่ยนไว เปลี่ยนแปลงเยอะ ถ้าอะไรที่อยู่ในกระบวนการที่สร้างผลลัพธ์ได้ ก็จำเป็นต้องทำ คนที่มี Fixed mindset อาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับการทำงานในยุคนี้ครับ

งานน้อยหรือว่างเกินไป : เหตุผลนี้ออกจะเป็นเหตุผลขำๆ หน่อยนะครับ แต่ผมเคยพบจริงๆ คือ การลาออกที่เกิดจากการว่างเกินไป งานไม่ท้าทายแบบที่ตกลงกันไว้ เราจะหาข้อเท็จจริงว่าหากเป็นเหตุผลนี้จริงๆ ผมจะแอบให้คะแนนเพิ่มอีกหน่อย เพราะว่า Candidate คนนี้มุ่งมั่นจะสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและไม่อยากทำงานแบบทำไปเรื่อยๆ ครับ

เข้ากับ Culture ขององค์กรไม่ได้ : เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คนเปลี่ยนงานเยอะเลยครับ จะมีองค์กรบางแห่งที่พนักงานไม่ไหวกับ Culture นั้น เราไม่ได้ตัดสินว่าอะไรถูกหรือผิด นะครับ แต่บางคนเข้ากับสภาพแวดล้อมบางประการไม่ได้ เช่น บางแห่งมักจะตำหนิพนักงานกันตรงๆ ต่อหน้าทุกคน บางแห่งมีพนักงานอาวุโสที่คอยเพ่งเล็งน้องใหม่ อะไรเหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเรื่องพวกนี้ ผมก็จะสัมภาษณ์เพื่อหาข้อเท็จจริง และถ้ามันอยู่ยากจริงๆ ก็จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะเห็นอกเห็นใจกันครับ

อย่างไรก็ตามไม่ว่าอดีต Candidate จะเปลี่ยนงานเก่งขนาดไหน มันคืออดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ครับ อย่าไปกังวลกับมันมากเกินไป สิ่งที่ Recruiter คาดหวังคือ คำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผล และไม่หลอกกัน รวมถึงจุดเรียนรู้ต่างๆ ที่ Candidate พบจากการกระทำเหล่านั้น เพื่อจะทำให้องค์กรและพนักงาน เข้าอกเข้าใจถึงความคาดหวังของกันและกัน ไม่เสียเวลาเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคนที่เป็นไปไม่ได้ ผมหวังว่า Candidate ทุกคน จะตัดสินใจด้วยเหตุผล งดเว้นการใช้อารมณ์ ใจเย็นในการตัดสินใจและมองทุกอย่างอย่างรอบด้านก่อนนะครับ เพราะเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ เราจึงจำเป็นต้องใช้สติกับปัจจุบันมากๆ ครับ อย่าลืมนะครับว่า อย่าทำงานที่เกลียด แต่เราทำงานที่เราไม่ได้รักได้นะครับ

ใครเจอเหตุผลแปลกๆ อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

ขอให้ทุกคนจะเจองานที่ใช่สำหรับตัวเองครับ

รักทุกคนเสมอครับ

www.peopleone.co.th
Tel : 02-661-7797
E-mail : info@peopleone.co.th

Leave a Comment

Your email address will not be published.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า